Skip to content
หน้าแรก » ขันธ์ 5 กับการดำเนินชีวิต พร้อมวิธีตั้งขันธ์ 5 บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคล

ขันธ์ 5 กับการดำเนินชีวิต พร้อมวิธีตั้งขันธ์ 5 บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคล

ขันธ์ 5

พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงสั่งสอนเราด้วยความเมตตา ความรักที่บริสุทธิ์ ท่านหวังเพียงให้เราทั้งหลายหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยคำสอนหนึ่งที่พระองค์ทรงสอนและเป็นส่วนหนึ่งของการหลุดพ้นคือ ขันธ์ 5 การรับรู้และเรียนรู้ขันธ์ 5 จะช่วยให้ตัวเราเข้าใจโลกมากขึ้น ให้เข้าใจความทุกข์มากขึ้น วันนี้ Ruay9 อยากพาทุกคนไปทำความรู้จักขันธ์ 5 เพื่อการดำเนินชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น

นอกจากขันธ์ 5 ที่ทุกคนรู้จักในฐานะเป็นหนึ่งในคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ขันธ์ 5 ยังมีอีกความเชื่อในเรื่องของการขอขมา กราบไว้บูชาครูบาอาจารย์ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการเสริมความขลังและบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เราพึ่งรับมา หรือเรียกว่าการแต่งขันธ์ 5 นอกจากความเชื่อเรื่องการแต่งขัน 5 เรายังอยากแนะนำความเชื่อเรื่องงูเข้าบ้าน ความเชื่อเรื่องการกราบไหว้พระพิฆเนศ ความเชื่อในความฝันต่างๆ เช่นฝันเห็นพระพิฆเนศ หรือแม้กระทั่งการฝันว่าท้อง ความเชื่อทั้งหมดนี้ต่างเป็นความเชื่อแตกต่างจากขันธ์ 5 ที่เป็นความจริง 

เณรน้อยมีขันธ์ 5

ขันธ์ 5

ขันธ์ 5 ตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าได้เผยแพร่มาอย่างยาวนานประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ขันธ์ทั้ง 5 ประกอบกันเป็นชีวิต ดังนั้นการดำเนินชีวิตให้สงบสุขเราจำเป็นต้องเข้าใจถึงขันธ์ทั้ง 5 และตั้งอนิจจาให้มั่น เพื่อให้ไม่หลงไปกับความสงบสุขมากเกินไป เพราะความสุขและความทุกข์ต่างก็เหมือนกัน ไม่ต่างกันเลย

รูป

รูปคือร่างกายที่เป็นเนื้อหนัง ซึ่งประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ทั้งหมด 32 อวัยวะ และอวัยวะทั้ง 32 ก็ประกอบด้วยเซลล์เล็กๆ โดยแต่ละเซลล์ประกอบกันด้วยแรงสั่นสะเทือน มีธาตุทั้ง 4 ประกอบ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อเกิดเป็นร่างกาย ก็จะเกิดตัวฉัน เมื่อเกิดตัวฉันขึ้น สิ่งที่ตามมาคือของฉัน 

เวทนา

เวทนาคือความรู้สึกทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกใดๆ ก็ตามทั้งการสั่น ความร้อน ความหนาว ความรู้สึกพอใจ ความรู้สึกสบาย และความรู้สึกอื่นๆ ไม่ว่าความรู้สึกใดๆ ก็ตามบางครั้งเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรแต่ถ้าเป็นความรู้สึกก็ถือว่าเป็นเวทนา

สัญญา

สัญญาคือสิ่งรับรู้เวทนา เมื่อเรารับรู้ถึงเวทนา สัญญาก็เพียงรับรู้ความรู้สึกต่างๆ เท่านั้น เรียกง่ายๆ ก็คือเวทนาคือตัวรับรู้และส่งต่อไปยังสังขารเพื่อทำการวิเคราะห์สารต่างๆ หรือความรู้สึก หรือเวทนาที่ได้รับมา

สังขาร 

สังขารคือตัววิเคราะห์สาร หรือความรู้สึก หรือเวทนาที่มาสัมผัสสัญญาและนำส่งต่อให้กับสังขารผู้ที่จะทำการวิเคราะห์ ประมวลผลว่าสารที่เรารับมาเป็นสารรู้แบบไหน เป็นสิ่งที่เราชอบ หรือเราไม่ชอบ เป็นสิ่งที่เราอยากได้หรือไม่อยากได้ เราพอใจกับสิ่งนั้นหรือไม่ เมื่อไม่พอใจ สังขารก็จะจดจำและฝังรากลึกลงไปว่านี้คือสิ่งที่เราไม่ชอบ นี้คือสิ่งที่เราอยากได้ 

วิญญาณ

วิญญาณคือจิตวิญญาณ จิตที่เรารับรู้ผ่านตา หู จมูก ปาก ร่างกาย และจิตใจ นอกจากจิตที่เป็นที่เหมือนดังสิ่งหล่อหลอมตัวเราขึ้นมา จากอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงอดีตชาติด้วย คนเรามีสังขารที่ลึกลงไปในจิตใจจนบางทีเราเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป วิญญาณจะเป็นช่องให้เวทนาเข้ามาสัมผัส จากนั้นสัญญาก็จะทำหน้าที่รับสาร

วิญญาณคือจิตใจของเรา ที่รับรู้ผ่านทางทวารทั้ง 6 หู ตา ลิ้น หนัง จมูก และจิต แต่ละทวารก็จะรับรูปได้แต่ต่างกัน ซึ่งการรับรู้เหล่านี้จะนำมาซึ่งการปรุงแต่งมากขึ้น เช่นดวงตาที่มองเห็นถึงความสวยงาม จิตเราก็จะเกิดความอยาก เกิดความทุกข์ขึ้น

พระพุทธเจ้านั่งสมาธิ

หลักธรรม ขันธ์ 5 คำสอนของพระพุทธเจ้า

ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วการจะดำเนินชีวิตให้ได้อย่างสงบสุข เราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจกฎแห่งธรรมชาติ พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องของธรรมชาติที่คนเรามักมองข้ามไป การนำขันธ์ 5 มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนี้ 

  • ตามที่ดาราท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ในรายการหนึ่งว่า “เราจะไม่ให้เด็กถือของหนัก เพราะเด็กไม่มีศักยภาพที่จะรับของหนัก เราก็เช่นกัน ถ้าเราอยากรวยแต่ไม่มีศักยภาพที่จะบริหารจัดการเงิน เชื่อว่าผู้ใหญ่คงไม่ให้ความร่ำรวยกับเรา” 
  • เราเข้าใจถึงการทำงานของขันธ์ 5 เราย่อมรู้ว่าขันธ์ 5 เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เกิดคนเราขึ้น รู้ว่าสิ่งที่เข้ามากระทบกับเราเป็นเพียงเวทนา ถ้าเราไม่ไปปรุงแต่งกับเวทนาที่เข้ามากระทบจิต เราก็จะไม่ไปปรุงแต่งและไม่เกิดเป็นอารมณ์ไม่พอใจ เช่น ถ้าเราโดยใครสักคนด่า คำด่าคือเวทนาที่มากระทบกับประสาทสัมผัสที่หู ร่างกายของเราเริ่มร้อน และตอบโต้คำด่าเป็นคำด่าไปมา ไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่กลับทำให้เราเป็นทุกข์ร้อนมากขึ้น ถ้าเราเข้าใจเรื่องธรรมชาติ เมื่อมีคนด่าจงเอ็นดูคนผู้นั้นที่กำลังจุดไฟเผาตัวเอง และจงตอบโต้ด้วยความเมตตา ความรัก ไม่ก่อตัณหาเพิ่ม เข้าใจตัวตน อัตตา และการเกิดดับ ไม่ยึดถือ
  • นั่งสมาธิเพื่อรู้จักร่างกายเพื่อมองให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเมื่อมีสิ่งมากระทบ ไม่ว่าจะเป็นความเย็น ความร้อน ความเจ็บปวด ความสุข การที่ร่างกายเราประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อเราโกรธ ร่างกายร้อน เมื่อเราสบายร่างกายเป็นดังลม หากเราสามารถรับรู้ได้ถึงเวทนาหรือความรู้สึกต่างๆ ที่มากระทบร่างกาย เราก็สามารถที่จะเข้าใจได้ว่า ไม่ว่าสิ่งใดที่เข้ามากระทบประสาทสัมผัสทั้ง 5 ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นและดับไป เกิดขึ้นและดับไปทุกชั่วขณะ ทั้งความโกรธ ความสุข ทุกๆ อย่าง 
  • ในการใช้ชีวิตเราคนเรามักชอบที่จะไป 2 ที่ด้วยกันคือ อดีตและอนาคต คนเราอยากไปแก้ไขอดีตและจินตนาการว่าหากเราข้ามไปอดีต เราจะไปแก้ไขสิ่งที่ทำผิดพลาด สิ่งนี้จะทำให้เรามีความสุข เพื่อลืมความทุกข์ คนเรามักโหยหาความสุขสบายจากจินตนาการในอนาคตและหลีกหนีความทุกข์ในชีวิตปัจจุบัน แต่พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราอยู่กับปัจจุบันการฝันหวานเห็นอนาคตคือการสนองตัณหาของตน หาเรามัวแต่อยู่ในอดีตและอนาคต สังขารที่เราสร้างเกิดเรื่อยๆ ว่าฉันอยาก ฉันต้องการ ฉันไม่ต้องการ เกิดสังขารที่มีรากลึกลงไปในจิตใจจนยากที่จะหลุดออกไป
พระสงฆ์นั่งรายล้อมพระพุทธเจ้าในวันมาฆบูชา
  • การที่วิญญาณของเรามีสังขารแห่งความอยากมากเท่าไหร่ การหลุดพ้นก็ยากเท่านั้น รู้หรือไม่ว่าการที่เรารู้สึกหงุดหงิดกับอะไรบางอย่างโดยที่ไม่สามารถหาเหตุผลได้ เป็นเพราะเราสะสมสังขารไม่ชอบ ไม่ดี ไม่สบายไว้ เช่นเราอากาศร้อน อากาศร้อนก็เป็นเพียงอากาศร้อน เมื่อมันมากระทบกับผิวหนังของเราและเรารับรู้ถึงความร้อนของอากาศ หากเราเคยสะสมสังขารแห่งความสบาย ความเย็นสบาย การเกิดอากาศร้อนจึงทำให้ในเรารู้สึกหงุดหงิดเป็นทุกข์ เพราะมีความอยากที่อยากจะเย็นสบาย 
  • หลายคนเอาแต่โทษเวทนาที่เจ็บปวดจนลืมไปว่า ความสบาย ความอยากเป็นมารที่น่ากลัวที่สุด เมื่อเราสามารถไปถึงจุดหนึ่งที่ทำให้เราสบาย ร่ำรวยเงินทอง วันหนึ่งเงินทองเกิดหายไปในพริบตา สังขารที่สะสมมานานทำให้เรารู้สึกเสียใจ เศร้าและเป็นทุกข์ เพราะเราปรุงแต่งกับความสบาย ความสุข ความร่ำรวยจนลืมไปว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นและดับไป เมื่อเราปรุงแต่งว่าความร่ำรวยทำให้เราสบาย เราก็จะมีความอยาก อยากรวย อยากสบายแต่ถ้าเราไม่ได้อย่างที่เราคิดไว้ความทุกข์ก็เกิดขึ้น
  • สุดท้ายการดำเนินชีวิตให้สงบ ก็ขอให้ทุกคนดำเนินชีวิตด้วยความเป็นกลาง เข้าใจร่างกาย เข้าใจธรรมชาติ แล้วธรรมชาติจะนำความสงบมาให้ รู้จักความรักที่แท้จริงและเมตตาผู้อื่นเห็นใจผู้อื่นแม้กระทั่งผู้ที่ด่าสาปแช่งเรา โลกนี้งดงามเสมอ ตั้งสติในการใช้ชีวิต และหยุดสร้างสังขาร และเกิดปัญญาที่ว่าทุกอย่างเป็นเพียงมายา และนิพพานในที่สุด

การแต่ง ขันธ์ 5

เชื่อกันว่าการแต่งขันธ์ 5 จะช่วยเสริมดวง เสริมสิริมงคลให้กับชีวิต ไม่ว่าจะทำอะไรให้แต่งขันธ์ 5 กราบไหว้และบูชาอาจารย์เสียก่อนเพื่อให้สิ่งต่างๆ ผ่านไปได้ด้วยดี โดยการแต่งขันธ์ 5 ส่วนมากมักจากแต่งเพื่อไหว้ขอขมาครูบาอาจารย์ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เราได้กระทำผิดต่อท่าน เป็นการขอขมา ขอโทษอย่างเป็นพิธีตามความเชื่อของชาวไทย ทั้งยังมีความเชื่อเรื่องวัตถุโบราณ หรือวัตถุมงคลที่เราต้องการที่จะทำมาใช้ประโยชน์หรือนำเข้าบ้าน หรือนำติดตัวไปไหน ก็จะต้องผ่านพิธีแต่งขันธ์ 5 เพื่อบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางให้ท่านเปิดทางให้วัตถุมงคลนี้ทำให้ได้อย่างดี ทั้งนี้ยังเพิ่มความขลังอีกด้วย

เครื่องเซ่นบูชา

การเตรียมแต่ง ขันธ์ 5

  • เทียนขาว 5 เล่ม
  • ธูป 5 ดอก
  • ดอกมะลิ 1 พวง
  • เงิน 24 บาท
  • ถาดหรือพานไว้ใช้วางของ 1 ใบ
  • ธูปจำนวน 16 ดอก (ให้จุดตอนก่อนทำพิธี)

ขั้นตอนการเตรียมแต่ง ขันธ์ 5

  • ให้นำของทั้งหมดที่เตรียมแต่งไว้มี เทียนขาว ธูป ดอกมะลิ เงิน วัตถุมงคล นำทั้งหมดใส่ถาดหรือพานเพื่อทำพิธี
  • จุดธูป 16 ดอกที่เตรียมไว้
  • ตั้งนะโม 3 จบ
  • ตั้งนโมจบแล้ว ให้กล่าวขอพรบอก ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ 
พระพุทธเจ้าคือใคร

ตามบทสวดมนต์ที่เป็นดังคำสอนของพุทธองค์ ทรงตรัสว่าพระพุทธเจ้าคือผู้ที่หลุดพ้น ผู้ที่รู้และเข้าใจถึงความจริงของโลก ไม่เพียงแต่รู้ในระดับผิวเผิน แต่ลึกลงไปถึงจิตใจ สุดท้ายก็ลึกลงไปจนไม่มีอะไรนอกจากการสั่นสะเทือน จากบทสวดมนต์จะแปลได้ว่าการที่เรากราบไหว้ ไม่ได้กราบไหว้เพียงพระพุทธที่เคยเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แต่แปลว่า ขอบูชาแต่พระพุทธเจ้าองค์ก่อน องค์ปัจจุบัน และองค์ในอนาคต ซึ่งเป็นผู้นิพพาน

วัตถุมงคลคืออะไร

วัตถุมงคลคือวัตถุต่างๆ ที่ได้ทำการสร้างขึ้นมาเช่น พระพุทธรูป แท่งเทียน องค์ต่างๆ ที่เราต่างนับถือหรืออาจเป็นฟันของบุคคลที่เรานับถือ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครื่องรางที่จะให้โชคและเสริมดวงให้ชีวิตดีขึ้น หรือของขลังที่มีอำนาจปกปักรักษาเราจะอันตราย

นิพพานคืออะไร

นิพพานถือเป็นจุดหมายของใครหลายๆ คนที่นับถือศาสนาพุทธ หรือนับถือในธรรมชาติว่าด้วยการหลุดพ้น นิพพานคือการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง และความทุกข์ทั้งปวง ทั้งในปัจจุบันและอดีต 

ขอบคุณรูปภาพบางส่วนจาก shantideva

สรุปขันธ์ 5

จากคำสอน ขันธ์ 5 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความทุกข์ ซึ่งเกิดจากขันธ์ทั้ง 5 ผ่านการได้เห็น ได้รับรู้ ได้ยินของจิต กลายเป็นความรู้สึกที่เรียกว่าเวทนา และปรุงแต่งโดยสังขารกลายเป็นความชอบ ความไม่พอใจ อันไหนชอบก็เปลี่ยนเป็นความอยากเป็นตัณหาที่ไม่มีสิ้นสุด นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเรื่องการแต่งขันธ์ 5 เพื่อบูชาวัตถุมงคล บูชาอาจารย์ และขอขมาท่านอีกด้วย 

หากท่านต้องการที่จะอ่านบทความน่าสนใจเช่นเดียวกับบทความนี้ ท่านสามารถเข้าไปหาบทความและรับชมได้ที่ TODE และ LottoVIP นอกจากบทความที่น่าสนใจที่ท่านจะได้อ่านแล้ว ท่านยังสามารถเสี่ยงโชคได้ด้วยผ่านทางเว็บเศรษฐี และ Ruay

บทความแนะนำ